จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กระทบหลากธุรกิจ รวมถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จากกำลังซื้อที่ลดลง เป็นผลจากการติดเบรกการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค)
จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กระทบหลากธุรกิจ รวมถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จากกำลังซื้อที่ลดลง เป็นผลจากการติดเบรกการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค) ที่เดิมผู้ประกอบการอสังหาฯ คาดการณ์ว่า จะได้รับอานิสงส์จากความต้องการ (ดีมานด์) ที่อยู่อาศัยของแรงงานในกลุ่มนี้
ทว่า ล่าสุด สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี ระบุว่า ในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ของปีนี้ ภาพรวมยอดขายทาวน์เฮ้าส์ ในชลบุรี ลดลง 70% ขณะที่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ลดลง 10-20% ขณะที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คาดการณ์แนวโน้มการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยใน 3 จังหวัดอีอีซี ในปี 2563 ว่าจะมีจำนวน 44,657 ยูนิต ลดลง 11.9% จากปี 2562 มีมูลค่า 78,443 ล้านบาท ลดลง 21.5% จากปี 2562
อิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดภาวะช็อกทางเศรษฐกิจรวมถึงโครงการในอีอีซี ล่าสุด พานาโซนิค ได้ย้ายฐานการผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้าไปยังเวียดนามทำให้บรรยากาศตลาดอสังหาฯในอีอีซีไม่ดีนักซึ่งชลบุรีรวมทั้งพัทยา ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก และเป็นตลาดอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ
“ในส่วนของบริษัทมีแผนที่ทำโครงการที่อยู่อาศัยในพัทยาปีนี้ แต่ได้ชะลอโครงการไปก่อน คาดว่าจะเป็นปีหน้า ผมว่าหลายบริษัทส่วนใหญ่ดำเนินการคล้ายกันคือ เน้นขายสต็อกเพื่อให้เงินไหลเข้าส่วนการลงทุนใหม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อไม่ให้เงินไหลออกเป็นสูตรสำเร็จท่ามกลางวิกฤติ”
ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/882951?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=property